น่าน นานนานครั้ง

วันแรกตอนบ่าย..  มาถึงน่านนานแล้ว แต่ทว่าอากาศข้างนอกร้อนเกิน เราจึงขอพักตากแอร์ในห้องพักก่อน รอจนใกล้ตะวันตกดินเราจึงจะเริ่มโปรแกรมเที่ยวกัน
ได้เวลา 5 โมงเย็น นั่งรถตู้ออกจากโรงแรมเทวราช มุ่งสู่พระธาตุแช่แห้งในเขตอำเภอภูเพียง ตั้งอยู่ฝั่งตะวันออกของลำน้ำน่าน ห่างจากตัวเมืองประมาณ 15 กม. บริเวณนี้..เมื่ออดีตเคยเป็นเมืองเก่าอีกเมืองหนึ่งของจังหวัดน่าน เวลายามเย็นนี้วัดพระธาตุแช่แห้งคนมีไม่มาก จึงเริ่มแเดินชม​จากภายนอกแล้วจึงเดินเข้าไปไหว้พระธาตุภายใน พระธาตุแช่แห้งเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนที่เกิดปีเถาะ ตามความเชื่อเกี่ยวกับปีนักกษัตร นอกจากจะมีพระธาตุองค์ใหญ่เป็นประธานแล้วยังมีพระธาตุองค์เล็ก  ที่เชื่อว่าเป็นพระธาตุองค์เดิมให้สักการะบูชาอีกด้วย หลายปีแล้วที่ไม่ได้มาและคิดว่าคงจะไม่ได้มาบ่อยนัก จึงถือโอกาสกราบไหว้องค์พระธาตุประจำปีเกิดด้วย ผมเกิดต้นปีศักราช ถ้าถือตามตำราล้านนาจะเกิดปีเถาะ แต่ถ้าถือตามปี พ.ศ. จะเกิดในปีมะโรง ผมจึงต้องไหว้พระธาตุประจำปีเกิดทั้ง 2 แห่งคือพระธาตุแช่แห้งและพระธาตุเจดีย์วัดพระสิงห์ เผื่อที่จะได้รับอานิสงน์ทั้งสองแห่ง
จากพระธาตุแช่แห้งเราไปต่อยังพระธาตุเขาน้อย ที่อยู่ห่างออกไปทางทิศใต้ของตัวเมือง สร้างมากว่า 400 ปี มีการบูรณะซ่อมแซมหลายครั้ง พระธาตุเขาน้อยตั้งอยู่บนเชิงเขาทำให้สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองน่านได้ทั้งเมือง  เมื่อ พ.ศ. 2542 ได้สร้างพระพุทธมหาอุดมมงคลนันทบุรีศรีน่าน ประดิษฐานไว้บนลานชมวิว โดยหันหน้าไปทางเมืองน่าน สร้างขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติเฉลิมฉลองที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระชนมายุครบ 5 รอบ วัดพระธาตุเขาน้อย ณ เวลานี้ เมืองน่านถูกปกคลุมด้วยหมอกควัน ท้องฟ้ามัว แต่ยังคงสงบ ไม่มีสิ่งก่อสร้างสูงสูง ให้ดูเกะกะระตา จะมีบ้างก็แต่สีสันของตึกใหม่ๆ หลังคาสีขาวๆ ให้เห็นกันบ้าง เย็นมากแล้วคงจะได้เวลากลับ ที่พักแล้วครับ ณ น่าน หยุดพักในค่ำคืนที่เงียบสงบ
เช้าอีกวันหนึ่ง เราไปลองเดินชมเมืองน่านกัน .. ออกจากโรงแรมเทวราช ด้านหน้าก็เป็นตลาดสดที่ขายทั้งเช้าทั้งเย็น ยามเช้าแสนสงบแบบนี้ มีแม่ค้าวางขายอาหารชุดสำหรับทำบุญตักบาตร ซึ่งก็จะมีพระสงฆ์เดินผ่านมารับบิณฑบาตรตลอด  นอกจากนั้นก็ยังมีขายน้ำชา-กาแฟ ข้าวหลามและเสื้อผ้าของที่ระลึก สะดวกสำหรับคนที่พักโรงแรมเทวราชจะได้ไม่ต้องไปหาซื้อไกล
เช้าเช้าช้าช้า เดินไปในเขตเมืองเก่าจนเดินมาทะลุที่กำแพงเมืองเก่า ..มาได้ไง.. จึงเดินย้อนเข้ามากลางเมือง เดินเลาะรั้วคุ้มเจ้าราชบุตร ผานวัดหัวข่วง วัดช้างค้ำ พิพิธภัณฑ์เมืองน่านและวัดน้อย.. เมืองน่าน วัดที่ว่ากันว่าสร้างขึ้นเพราะว่านับจำนวนวัดในเขตเมืองเกินไป 1 วัด จึงต้องสร้างวัดขึ้นใหม่ให้ครบตามจำนวน พิพิธภัณฑ์ยังไม่เปิดจึงได้แต่ชมบริเวณรอบรอบ
ข้ามฝั่งถนนไปข่วงเมืองน่าน ว่าจะไปชมวัดภูมินทร์ แต่เช้าวันนี้มีการถ่ายทำวีดีโอ อะไรสักอย่างหนึ่ง.. จึงเดินกลับที่พักและคงจะเที่ยวกันอีกครั้งในช่วงเย็น
มีโอกาสได้ใช้บริการรถรางนำเที่ยวของเทศบาลเมืองน่านอีกครั้ง โดยจุดเริ่มต้นที่บริเวณศูนย์นักท่องเที่ยวของเมืองน่านหรือสี่แยกข่วงเมือง ผ่านที่ท่องเที่ยวสำคัญ มีวิทยากรคอยบรรยายตลอดเส้นทาง ซ้ายมือเป็นพิพิธภัณฑ์เมืองน่านที่เก็บรักษางาช้างดำคู่บ้านคู่เมืองน่านตอนนี้อยู่ระหว่างการบูรณะปรับปรุงภายในอาคารแต่ยังไม่เปิดให้ชมได้บางส่วนของชั้นล่าง ภายในบริเวณก็จะมีวัดน้อยวัดขนาดเล็ก ที่มีแต่วิหารน้อยที่สร้างขึ้น เมื่อเจ้าเมืองทูลแจ้งจำนวนวัดให้พระเจ้าแผ่นดินเกินไป 1 วัด ด้วยเกรงอาญา จึงต้องสร้างวัดให้ครบตามจำนวน   ด้านตรงข้ามพิพิธภัณฑ์เป็นวัดช้างค้ำเยี้ยงกันทางด้านซ้ายมือเป็นวัดหัวข่วง  ที่ชื่อว่าวัดหัวข่วงเนื่องจากเป็นวัดที่อยู่ทางด้านเหนือของข่วงเมือง ศาสนสถานที่สำคัญของวัดคือหอไตร ที่มีความสวยงามเฉพาะ ต่อมาด้านขวามือคือคุ้มเจ้าราชบุตรที่พักของเจ้าเมืองในอดีต ในปัจจุบันยังคงสภาพเดิมไว้สมบูรณ์ มีลูกหลานของเจ้าเมืองน่านอาศัยอยู่ วิทยากรบอกว่าลูกหลานของเจ้าเมืองน่าน ยังต้อนรับนักท่องเที่ยวอยู่ เพียงแต่จะตรวจสอบหน้าตาก่อน ถ้าหน้าตาดีก็จะให้เข้าผ่านไปชมในบ้าน ว่างั้น…
…รถรางก็จะพาเราผ่านกำแพงเมืองเก่า ไปยังจุดจอดวัดสวนตาล โดยเราจะมองเห็นปรางค์วัดสวนตาล ตั้งแต่ในเขตเมือง มีเรื่องเล่าว่าเมื่อก่อนข้าศึกได้ขึ้นไปบนยอดปรางค์ เพื่อมองเข้ามาในเขตกำแพงเมืองดูลาดเลาของชาวเมืองน่านด้วย รถรางพาเรามาจอดหน้าพระอุโบสถวัดสวนตาล ที่มีพระประธานที่งดงาม ว่ากันว่าหากเมืองใต้พิษณุโลกสองแคว มีพระพุทธชินราชเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองที่งดงาม เมืองเหนือนันทบุรีก็มีพระประธานแห่งวัดสวนตาลนี้ ที่สวยงามไม่แพ้กัน และถือว่าเป็นพระประธานองค์ใหญ่ น้ำหนักจะเป็นรองก็แต่พระเจ้าเก้าตื้อแห่งวัดสวนดอกเชียงใหม่แค่นั้นเอง
จากนั้นก็ขึ้นรถรางไปโฮงเจ้าฟองคำ ระหว่างทางชาวน่านได้โบกมือทักทายและยิ้มให้แก่ผู้มาเยือนตลอดทาง โฮงเจ้าฟองคำคือที่พักอาศัยของญาติเจ้าเมืองโดยมีลำดับ คือ คุ้ม คือบ้านของเจ้าเมือง โฮงก็จะเป็นบ้านของเครือญาติเจ้าเมือง และเฮือนก็คือบ้านคนธรรมดาสามัญทั่วไป โฮงเจ้าฟองคำเป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน ที่เก็บรักษาข้าวของเครื่องใช้ของเจ้าฟองคำเอาไว้ และลูกหลานก็ได้รักษาพร้อมกับวัฒนธรรมการทอผ้าฝ้ายไว้ใช้ในบ้าน โดยทำการตั้งแต่เก็บเมล็ดฝ้าย ปลูกฝ้าย เก็บดอกฝ้าย อีด ปั่น ทอ จนเป็นผื่น ตัดเย็บเป็นเสื้อผ้า-ของใช้ เพื่อให้คนรุ่นใหม่ได้ศึกษากันจากโฮงเจ้าฟองคำ
รถรางก็พาเรากลับมาตามเส้นทางถนนอนันตยศผ่านโรงเรียนสตรี เมื่อก่อนคือโรงพยาบาลคริสต์แห่งแรกของเมืองน่าน …ประทับใจ!, เด็กนักเรียนยกมือไหว้และสวัสดีคนบนรถราง นั่นแสดงว่าทุกคนมีไมตรีต่อแขกผู้มาเยือน แม้ไม่เคยรู้จักกัน… ..คือดีอ่ะครับ  ผ่านศาลเจ้าจีน ผ่านวัดหัวเวียงใต้  วัดที่ประดับประดาวิหารด้วยกระจกตามแบบศิลปะพม่า  และโรงแรมน่านฟ้าภูคา โรงแรมเทวราช โรงแรมน่านฟ้าภูคา โรงแรมอาคารไม้สุดคลาสสิค ปัจจุบันเจ้าของธนาคารที่อยู่ติดติดกันมารับช่วงกิจการต่อ ปรับปรุงพร้อมกับปรับราคาใหม่เพิ่มขึ้นไม่มาก  ..โดยการเพิ่มเลข 0 เข้าไปต่อท้ายอีกตัวหนึ่ง แค่นั้นเอง อันนี้ผู้บรรยายบนรถรางเขาบอกมานะครับ และปิดท้ายที่วัดภูมินทร์โบสถ์วิหารจตุรมุขหลังพญานาค 2 ตัว ภายในมีภาพวาดฝาผนังอันเป็นตำนานกระซิบรักบันลือโลก
”  คำฮักน้อง กูปี้จักเอาไว้ในน้ำก็กลัวหนาว จักเอาไว้พื้นอากาศกลางหาว ก็กลัวหมอกเหมยซอนดาวลงมาขะลุม จักเอาไปใส่ในวังข่วงคุ้ม ก็กลัวเจ้าปะใส่แล้วลู่เอาไป ก็เลยเอาไว้ในอกในใจตัวชายปี้นี้ จักหื้อมันไห้อะฮิอะฮี้ ยามปี้นอนสะดุ้งตื่นเววา…”  
จนเป็นเพลง…..แช่มช้อยโสภา โวหาร ใดจะเปรย…………. ..ไม่ได้ต้องการที่จะเป็นตำนานรัก แต่ใจต้องการนักแค่เพียงได้รักเจ้าเนิ่นนาน เมื่อได้พบพานกับแม่นงคราญจึงสานรัก กายใจพร้อมพลีภักดิ์ เพื่อเพียงได้รักเจ้าเนิ่นนาน…….
 ไปหาฟังกันเอาเองนะครับ  

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ขับรถไปเมืองเล็ก เมืองลองในอ้อมกอดแห่งขุนเขา

อยากขับรถตอนเช้า ….คิดได้ก็ไปกัน กำหนดจุดหมายปลาย […]

Read more

สอบพนักงานวิทยุสมัครเล่นที่ลำปางได้อะไร

ทำตามความฝันครับ อยากเป็นนักวิทยุสมัครเล่น แต่เมื่อก่อน […]

Read more

สานสัมพันธ์แบ่งปันความรู้ ดูธรรมชาติ บนดอยผาด่าน

วันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม 65 ได้มีโอกาสร่วมกิจกรรมกับพี่ […]

Read more