ตามหา “พญาเสือโคร่ง” ภาคหนึ่ง และเที่ยวแม่แจ่ม

เขามาเล่าให้ฟัง..ถ่ายรูปมาให้เห็น หลายครั้งเข้า ก็ทำให้อยากไปเห็นด้วยตนเอง ดอกไม้สีชมพู นาม “พญาเสือโคร่ง” เลือกจุดหมายปลายทาง “ขุนวาง”การเดินทางเริ่มขึ้น จากลำพูน มุ่งสู่อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ใช้เวลาเพียง สี่สิบห้านาที กับการขับรถยามเช้า.. ถึงด่านตรวจของอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ เสียค่าธรรมเนียม จากนั้นก็เดินทางต่ออีก.. เริ่มมองเห็นต้นไม้ผลิดอกสีชมพูเป็นระยะ จนถึงแยกเข้าขุนวาง บริเวณบ้านขุนกลางยิ่งมีเยอะขึ้น แต่ที่นี่ยังไม่ใช่จุดหมายของเรา เราต้องไปให้ถึงที่สุด จากที่นี่ไปอีก ๑๖ กิโลเมตรทางแคบ บางช่วงชำรุด แต่ก็ไม่ยากเกินไปสำหรับการเดินทางในฤดูนี้ ต้นไม้สีชมพูเต็มต้น มีให้เห็นถี่ขึ้นตามรายทาง …เพลินจนถึงขุนวางโดยไม่รู้ตัว ที่นี่ ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ หรือ ขุนวาง  แต่…ดอกพญาเสือโคร่งอยู่ไหน ไปทางไหน จะถามใครดี??จึงต้องย้อนออกไปถามเจ้าหน้าที่ที่ป้อมบริเวณทางเข้า ได้ความว่าปีนี่ดอกพญาเสือโคร่งยังออกไม่มาก โดยเฉพาะบริเวณที่ออกดอกสวยประจำ ปีนี้ยังไม่มีสักดอก คาดว่ายังไม่ออกหรือยังออกไม่เยอะ….ว้า อุตส่าห์ตั้งใจมา.. แต่อย่าเพิ่งกลับ ….ยังชมได้..ในบริเวณโรงเก็บกาแฟของสถานีเกษตร..แล้วเราก็ไปตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ จากบริเวณที่เคยออกดอกทุกปี เลี้ยวขวาเข้าซอยเล็ก เอารถไปจอดหน้าบ้านพัก แล้วเดินย้อนมา… โอ้โฮ…ดอกพญาเสือโคร่งเต็มต้น  เวลามองขึ้นไป ชมพู้..ชมพู ตัดกับท้องฟ้าสีฟ้า เห็นกับตาแล้วสวยจริง สมคำเล่า..ซากุระเมืองไทย….เดินชมได้อีก..เดินชมได้จนสุดทาง ร่วมกับเพื่อนคนเดินทางกลุ่มอื่น แล้วเดินย้อนกลับออกมาทางเดิม เต็มที่กับที่นี่แล้ว… ก็มองหาจุดหมายต่อไป ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์กล้วยไม้รองเท้านารี พึ่งพาแผนที่ในมือถือที่มีสัญญาณน้อยนิดแต่ก็ยังได้อยู่ เราต้องย้อนออกไปอีกประมาณ  ๘ กิโลเมตร แปลกใจว่าทำไมเราจึงมองไม่เห็นแต่แรก.. แต่พอมาถึงหน้าศูนย์ฯ จึงจำได้!! ที่นี่นี่เองดอกพญาเสือโคร่งเต็มต้น และรถจอดเต็มลาน คนเดินทางเยอะมากกกก..เราเลยเดินชมแบบมุมกว้าง ถ่ายภาพ แล้ว..เดินชมบริเวณสวนกล้วยไม้และเรือนเพาะชำ ถือว่าเป็นกำไรได้ชมทั้งกล้วยไม้และดอกพญาเสือโคร่งจากนั้นเดินทางกลับออกมาชมดอกซากุระเมืองไทยที่บริเวณหน้าโรงเรียนบ้านขุนกลาง ที่นี่อาจจะไปไม่สวยมากมาย แต่ก็แวะถ่ายภาพได้สวยด้วยต้นที่ออกดอกเต็มต้นเป็นแนวยาว ยังพอมีเวลาเหลือ อยากไปแม่แจ่ม เกิดมายังไม่เคยไป …จึงหันหัวรถมุ่งสู่อำเภอแม่แจ่ม บ่ายโมงกว่า ยังไปไม่ถึง หิวแล้วซิ …คงมัวเพลินจนลืมข้าวกลางวันไปเลย แต่ร้านแรกที่เราเจอ..ปิด ร้านต่อไป อยู่หน้าเทศบาลแม่แจ่ม “เฮือนส้มตำ” บริการอาหารตามสั่ง ก๋วยเตี๋ยว ส้มตำและขนมจีน เรียกได้ว่าศูนย์อาหารดีมั้ยเนี่ย… แต่ผมก็สั่งอะไรมาทานง่าย เป็นเล็กแห้งรวม..จัดไประหว่างการทานอาหาร ก็สอบถามข้อมูลการเที่ยวในแม่แจ่มไปด้วย พี่เจ้าของร้านใจดีมาก ให้ข้อมูลเราอย่างดี อธิบายเส้นทางอย่างละเอียด และพยายามหาแผนที่มาให้แต่ไม่มี.. ก็ต้องขอบคุณมา ณ ที่นี่ด้วยครับหลังทานอาหารแล้วก็เข้าสูเมืองแม่แจ่ม แวะทานกาแฟที่ร้าน แจ่งเหมือง กลางเมืองแม่แจ่ม ร้านเล็ก ร่มรื่นนั่งทานอย่างเย็นสบาย กับกาแฟเข้ม ชื่นใจ แถมแผนที่ท่องเที่ยวในแม่แจ่มให้อีก ๑ ใบ ขอบคุณหลายครับ…วัดเก่า หลายที่ที่อยากไป แต่เวลามีจำกัดเลยเลือกวัดที่อยากไปจริงและเป็นทางผ่าน หนึ่งวัดนั้นคือ วัดพุทธเอ้น หรือวันพุทธเอิ้น ที่มีอุโบสถกลางน้ำและวิหารไม้ที่เก่าแก่มากมาก สวยคลาสสิก อุโบสถกลางน้ำนั้นมีทางเข้าทางเดียว และห้ามสตรีเข้าในเขต อุทกสีมา (บริเวณที่มีน้ำล้อมรอบ) โบราณกาลได้ใช้สำหรับประกอบพิธีอุปสมบท ปัจจุบันได้ทำพิธีในโบสถ์ไม้ในบริเวณวัดด้านบน  ที่มีความสวยงามไม่แพ้กันด้านหน้าอุโบสถกลางน้ำ มีบ่อผุดที่มีสายน้ำไหลออกมาตลอดทุกฤดูไม่เคยเหือดแห้ง ภายใต้หลังคาศาลาครอบและปิดปากบ่อด้านบนไว้ แต่ให้ชาวบ้านและผู้สนใจตักตวงเอาจากท่อด้านล่างที่มีน้ำไหลอยู่ตลอดเวลาออกจากวัดพุทธเอ้น ..ก็เดินทางต่อโดยขับรถชมเมืองแม่แจ่ม มีหลงบ้าง ^_^ แต่ก็วนไปมาจนเจอทางสายหลัก สองฝั่งน้ำแม่แจ่ม คลำทางไปเรื่อย ตามแผนที่.. ผ่านศูนย์หัตถกรรมผ้าตีนจกแม่แจ่ม แหล่งรวมผลิตภัณฑ์ผ้า ของแม่แจ่ม… เนื่องจากว่าไม่สันทัดเรื่องผ้าเราเลยไม่ได้แวะ..ก็ขับรถไปอีกมีสะพานข้ามฝั่งมาตำบลท่าผา เลี้ยวเข้าวัดป่าแดด.สวยอีกแล้วครับ ชอบวัดเก่า ในวัดป่าแดด มีพุทธสถานทรงแปลกตา คือหอไตรโบราณ ถัดมาจะเป็นอุโบสถอีกหลังหนึ่งที่สวยทั้งภายนอกและภายในมีรูปเขียนฝาผนังเก่า ที่สมบูรณ์ เป็นฝีมือของช่างชาวพม่าในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น..เดินออกมาดูรอบวัด มันช่างมีความเป็นชนบทและคลาสสิกดีแท้…ด้านนอกกำแพงมีไม้มัดไว้คงเป็นไม้ที่ใช้สำหรับสุมไฟ ในประเพณี ตานข้าวใหม่ หิงไฟพระเจ้า (วันเพ็ญเดือนสี่เหนือ) เป็นประเพณีดั้งเดิมของชาวล้านนา หลังจากที่เก็บเกี่ยวข้าวจากท้องนาแล้ว ชาวนาจะเอาข้าวใหม่มาทานก่อนยังไม่ได้ ต้องเอามาถวายพระในงานบุญเดือนสี่ก่อน จึงจะกินได้จำได้ว่าเมื่อตอนเด็ก ที่บ้านเกิด เคยไปเอาไม้ชนิดหนึ่งในป่า ชื่อว่า “ไม้จี่” เป็นไม้พุ่มไม่ใหญ่ มีหนาม เปลือกสีน้ำตาล ตัดเอาขนาดพอเหมาะ ปอกเปลือกเอาไปตากให้แห้ง แล้วเอาไปรวมกันไว้ที่วัด จำนวนเท่ากับคนในบ้าน ไม่รู้ว่าปัจจุบันนี้ยังมีการทำแบบนี้อยู่หรือไม่ สังคมและวิถีที่เปลี่ยนไป อาจจะมีคนรับจ้างไปตัด หรืออาจจะตัดแล้วเอามาขายให้เลย ง่ายดี ..สังคมที่ขับเคลื่อนด้วยเงินตรา…ว่ากันไปจากวัดป่าแดด คงได้เวลาเดินทางกลับ ต้องจบทริปแม่แจ่มไว้ก่อนเท่านี้ วันนี้มาเที่ยวได้ไม่ทั่ว สัญญาไว้ ….จะไปอีกให้ได้ เมืองแม่แจ่ม

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ขับรถไปเมืองเล็ก เมืองลองในอ้อมกอดแห่งขุนเขา

อยากขับรถตอนเช้า ….คิดได้ก็ไปกัน กำหนดจุดหมายปลาย […]

Read more

สอบพนักงานวิทยุสมัครเล่นที่ลำปางได้อะไร

ทำตามความฝันครับ อยากเป็นนักวิทยุสมัครเล่น แต่เมื่อก่อน […]

Read more

สานสัมพันธ์แบ่งปันความรู้ ดูธรรมชาติ บนดอยผาด่าน

วันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม 65 ได้มีโอกาสร่วมกิจกรรมกับพี่ […]

Read more