“ของจริง” กับ “สิ่งปลอม” อีกหนึ่งคำสอนของ พระสรยุทธ ชยปัญโญ เจ้าอาวาสวัดดอยผาส้ม อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ ทำให้นึกได้ว่า ของสิ่งปลอม หรือของที่จับต้องไม่ได้ สัมผัสไม่ได้…ทำประโยชน์ไม่ได้ มักจะไม่มีค่า..
ประเด็นที่ให้ฉุกคิด ท่านถามว่า “..เราเตรียมการอะไรไว้รองรับภัยพิบัติบ้างหรือยัง เมื่อเกิดภัยหรือมีสถานการณ์ฉุกเฉิน เราจะทำอย่างไร….” “……ถึงเวลานั้นเงินจะไม่มีค่า หรือถ้าถอนจากธนาคารเอามาเก็บไว้ อาจจะใช้ประโยชน์ไม่ได้ เอามาห่มก็ไม่ได้ กินก็ไม่ได้ ก่อสร้างที่อยู่อาศัยก็ไม่ได้” …ตามนัยแล้วท่านน่าจะกำลังบอกเราว่าที่แท้แล้วมนุษย์เราต้องการอะไร? ไม่มากไปกว่า อาหาร ยา เสื้อผ้าและที่ที่อยู่อาศัย เงินทองที่มีอยู่เป็นสิ่งสมมติ มีค่าเท่ากับของที่แลกเปลี่ยนมาเท่านั้น เมื่อไม่ได้แลกเปลี่ยนกับสิ่งใดๆ เงินก็เป็นเพียงเหรียญโลหะและเศษกระดาษธรรมดา
กลับมา..กลับมา กลับมาพิจารณาชีวิตของตนเอง คืนหนึ่งที่ห้วยบง ไม่ลำบากแต่ไม่สะดวก ที่นี่พึ่งพาธรรมชาติ ไม่มีไฟฟ้าใช้ทั้งคืน มีแต่ไฟจากเครื่องปั่นที่ให้แสงสว่างจนถึง 4 ทุ่ม ยังดีที่มีน้ำไหลผ่านท่อมาใช้ให้ถึงที่พัก
ตอนหนึ่งจากการสนทนากับท่านเจ้าอาวาส สมาชิกได้ถามถึงเรื่องเครื่องปั่นไฟว่าจะมีคนมาเปิดให้หรือไม่? ท่านเจ้าอาวาสตอบว่า “…เรากำลังศึกษาการอยู่โดยไม่ใช้ไฟฟ้าไม่ใช่หรือ? ลองอยู่แบบไม่มีไฟฟ้าสักคืน..จุดเทียนเอา…” ประมาณว่าหุงหาอาหารก็ต้องใช้เตาถ่าน แสงสว่างที่ได้ก็มาจากไฟฉายดวงเล็กๆ ที่ได้แค่ แสงสว่างวูบวาบผ่านไปมา ได้แสงเฉพาะที่เท่านั้น
ฝนเริ่มลงเม็ด..ตั้งแต่เราอยู่ที่วัดดอยผาส้ม… และเริ่มหนักขึ้นเมื่อฟ้าเริ่มมืด ทำให้พื้นดินฉ่ำและแฉะไปทั่วทั้งบริเวณ ..ลำพังฝนไม่ตก ชีวิตที่นี่ไม่สะดวกอยู่แล้ว ยิ่งฝนตกทำให้ยิ่งไม่สะดวกต่อการเดินไปมาระหว่างอาคารที่พักและโรงอาหาร รวมถึงการปรุงอาหารสำหรับมื้อเย็นด้วย แต่ยังดีที่มีเจ้าหน้าที่มาเปิดเครื่องปั่นไฟให้ไม่ต้องทำกิจกรรมใต้แสงเทียนดังที่เจ้าอาวาสท่านว่าไว้
บนอาคารที่พักเทียนเล่มใหญ่จุดที่หน้าพระพุทธรูป พอส่องสว่างให้เห็นได้ทั่วบริเวณ ผ้าห่ม-เต็นท์ เครื่องนอนที่พอหาได้ถูกนำมาเตรียมไว้ เผื่อว่าฝนไม่หยุดอากาศคงหนาวเย็นไม่น้อย ภายใต้แสงเทียนสุดคลาสสิก แต่ฟ้าฝนเป็นใจหลังเราทานอาหารเสร็จแล้ว ฝนหยุดตกชนิดที่ว่ามองฟ้าแล้วเห็นดาวเกลื่อนฟ้าเลยทีเดียว
จากชีวิตความเป็นอยู่ในเมืองมาอยู่กลางป่า เมื่อไม่มีไฟฟ้า…ความสุข-สบาย หายไป ไม่มีคลื่นโทรศัพท์ ไม่มีอินเตอร์เน็ต ไม่มีแสงสว่าง ถามว่าลำบากมั้ย? ตอบได้เลยว่าไม่ลำบาก แค่ขาดสิ่งที่คอยอำนวยความสะดวก มืดอย่างนี้ จะหาความสะดวกจากสิ่งใดอีก ตอนนี้ทานอาหารเย็นอิ่มแล้ว มีเครื่องนอนแล้ว มีที่นอนที่เป็นอาคารกันฝนอย่างดีแล้ว สิ่งที่หายไปคืออะไร? คือ “ความสบาย” ไม่ได้เปิดพัดลม ไม่ได้เปิดแอร์ ไม่มีเสียงเพลง ไม่ได้โทรศัพท์ ไม่ได้อัพสถานะ ไม่ได้เช็คอิน แต่สิ่งที่หายไปไม่ได้ทำให้เราลำบาก ..สิ่งที่ทำได้ คือ นั่งปรึกษาแผนการทำงานกับการเข้านอน.. ผมเลือกที่จะเข้านอนเพื่อเก็บแรงไว้ทำงานพรุ่งนี้
…นอกจากการเผยแพร่ธรรมะที่เป็นกิจของพระสงฆ์แล้ว ท่านเจ้าอาวาสยังสอนให้ชาวบ้านได้ตระหนักและรู้จักสำรองเสบียงไว้ ให้กินได้เมื่อจำเป็น โดยไม่ต้องพึ่งเงินตราไม่ต้องซื้อหา หมู่บ้านรอบๆ วัดดอยผาส้มมีวัตถุดิบเพียงพอที่จะสำรองอาหารไว้ โดยเฉพาะยามเกิดเหตุฉุกเฉินหรือภัยพิบัติ ถึงตอนนั้นไม่มีไฟฟ้า ไม่มีการสื่อสาร ผู้ที่มี “ของจริง” เท่านั้นที่จะอยู่ได้ ฉะนั้นเราต้องสะสมข้าวปลา-อาหารที่พร้อมรับประทาน เตรียมเสื้อผ้าเครื่องนุ่มห่มกันร้อนกันหนาว เตรียมยารักษาโรค และมีที่อยู่อาศัยที่ปลอดภัย
ดังคำกล่าวที่ว่าไว้ “เงินทองของมายา.. ข้าวปลาสิของจริง”